จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 0 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | ศาสนาปรัชญา |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
***หนังสือมือสองมีตำหนิ***
พระอุบลวรรณาเถรี (ผู้เสมอด้วยพระมหาโมคคัลลานะ) โดย พ.สุวรรณ ราคาปก 90.- "เป็นครั้งแรกเผยชีวประวัติพระอัครสาวิกาเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า ประวัติพระอุบลวรรณาเถรี พระอุบลวรรณาเถรี เกิดในตระกูลเศรษฐี ในกรุงสาวัตถี บิดามารดาได้ตั้งชื่อให้นางว่า “อุบลวรรณา” ตามนิมิตลักษณะที่นางมีผิวพรรณเหมือนกลับดอกอุบลเขียว เพราะสวยบาดใจจึงต้องให้บวช วัน หนึ่งท่านเศรษฐีจึงให้คนรับใช้ไปตามนางอุบลวรรณาลูกสาวมาพบ และเล่าเรื่องที่มีพระราชาและ เศรษฐีตามแคว้นต่าง ๆ ส่งคนมาสู่ขอเธอให้นางอุบลวรรณาทราบเรื่องโดยตลอด และยังได้กล่าวถึงความทุกข์ใจ ของตนที่ไม่สามารถตัดสินใจอะไรเลย เพราะเกรงจะเป็นที่ขัดใจแก่ผู้ที่ไม่ได้ ท่านเศรษฐีจึงแนะนำลูกสาวว่า " อุบลวรรณาลูกเรา อยากบวชไหมลูกเพื่อตัดสินปัญหาต่าง ๆ พ่อคิดมาหลายวันแล้ว การบวชของลูกเป็นทางเดียวที่เหมาะที่สุด อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับลูกเท่านั้น ว่าลูกอยากบวชหรือไม่ เพราะการบวชเป็นเรื่องของผู้จะบวชโดยเฉพาะ ผู้บวชจะต้องพอใจบวชเองไม่ใช้บังคับ หรือข่มขู่ " เนื่องจากนางได้สั่งสมบารมีธรรมมาอย่างเต็มเปี่ยมตั้งแต่อดีตชาติ จนกระทั่งชาตินี้ซึ่งเป็นปัจฉิมชาติหรือชาติสุดท้ายที่จะอยู่ในวัฏฏะ (การเวียนว่ายตายเกิด)ดังนั้นภพนี้จึงเป็นภพสุดท้าย เมื่อนางอุบลวรรณาได้ฟังท่าน เศรษฐีผู้เป็นบิดาแนะนำ นางจึงรับปากท่านเศรษฐีด้วยความยินดี ๒-๓ วันต่อมา ท่านเศรษฐีจัดงานบวชลูกสาวนางอุบลวรรณาขึ้นที่บ้านเป็นงานเอิกเกริก เพราะได้แจ้งต่อญาติมิตรทั้งใกล้และไกลให้มาร่วมงานบวชครั้งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ลูกสาวของตนและเพื่อล้มล้างความคิดของผู้ชายทั้งหลายที่ ส่งคนมาสู่ขอโดยสิ้นเชิง จากนั้นขบวนแห่ได้นำนางอุบลวรรณาและญาติมิตรไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าที่พระ เชตวันวิหาร กราบทูลขอประทานการบรรพชาให้แก่นางอุบลวรรณา ผู้เลื่อมใสในการออกแสวงหาโมกขธรรมด้วยสมณเพศ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบด้วยพระญาณเป็นอย่างดีว่า นางอุบลวรรณาคนนี้แหละจะมาเป็นอัครสาวิกาของพระองค์ ตามปณิธานที่ได้ตั้งไว้แต่อดีตชาติ จึงรับสั่งกับท่านเศรษฐีว่า " ดูก่อนท่านเศรษฐี การมาสู่ธรรมวินัยของธิดาของท่าน จะไม่ไร้ผลที่มุ่งหมายอย่างแน่นอน " จากนั้นทรงรับนางอุบลวรรณาไว้ให้บรรพชาในสำนักภิกษุณีตามประสงค์ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เมื่อนางอุบลวรรณาบวชแล้ว ไม่นานนักนางก็เข้าช่วยทำความสะอาดอุโบสถ โดยผลัดเปลี่ยนกับเพื่อนพรหมจรรย์เป็นวัน ๆ ต้องปัดกวาดปูอาสนะและตามประทีปในเวลากลางคืน ค่ำวันหนึ่งขณะที่นางอุบลวรรณา ตามประทีปแล้ว ก็ปัดกวาดอุโบสถอยู่ มองเห็นเปลวประทีปต้องลมพัด มีลักษณะอาการต่าง ๆ ปรากฏแก่สายตาของนาง คือลุกโพลงขึ้น ริบหรี่ลงบ้าง บางดวงดับต้องจุดใหม่ บางดวงอยู่ในตำแหน่งที่ไม่โดนลม ไฟก็ลุกโพลงอยู่สม่ำเสมอดี นางอุบลวรรณาได้กำหนดเอาเปลวไฟนั้นมาเพ่งพินิจ ทำให้เห็นชีวิตของสัตว์ทั้ง หลายคล้ายดวงประทีปที่ลุกโพลงอยู่ด้วยอำนาจของไส้และน้ำมันชีวิตของสัตว์ก็ เช่นกัน อาศัยธาตุทั้ง ๔ และข้าวน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตให้ดำรงอยู่ นอกจากนั้นยังถูกกรรมนำให้ประสบเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้เป็นสุขบ้าง ทำให้ เป็นทุกข์บ้าง ทำให้เจริญขึ้นบ้าง ทำให้เสื่อมลงบ้าง เหมือนดวงประทีปต้องลมฉันใดก็ฉันนั้น บางครั้งแม้ไส้น้ำมันยังบริบูรณ์อยู่แต่เมื่อต้องลมกระโชกแรงก็พลันดับวูบลง เหมือนชีวิตสัตว์ แม้จะมีร่างกายสมบูรณ์ด้วยอาหารบางครั้งก็ต้องพลันแตกดับโดยอุปัทวเหตุอย่าง น่าสลดใจก็ดี ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ทั้งไม่สามารถจะกำหนดรู้ได้ว่า ต่อไปภายหน้าจะสุขจะทุกข์จะเจริญหรือจะเสื่อมถอยมากน้อยอย่างไรและชีวิตจะ ดับลงเมื่อไหร่ ด้วยอาการอย่างไร เมื่อไรรู้ไม่ได้ทั้งนั้น เหมือนดวงประทีปที่ปรากฏแก่สายตาเบื้องหน้าเช่นนั้น สัตว์ทั้งหลายเป็นทุกข์เดือดร้อนด้วยการป้องกันรักษาชีวิตด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ในที่สุดก็ไม่อยู่ในวิสัยที่จะรักษาไว้ได้ ถึงกระนั้นมนุษย์เราก็ยังประมาท หลงลืมชีวิตราวกับว่าชีวิตจะดำรงคงอยู่ในโลกเป็นพันปีหมื่นปี เสมือนหนึ่งชีวิตจะไม่ต้องประสบทุกข์ร้อนด้วยโรคด้วยภัยอันตรายต่าง ๆ ไม่แสวงหาที่พึ่งของตนไว้เลย เป็นที่น่าสังเวชใจยิ่งนัก นางอุบลวรรณา ซึ่งบัดนี้เธอดำรงสถานะเป็นพระภิกษุณีแล้ว ได้ยืนพิจารณาดวงประทีปเจริญฌานทำเตโชกสิณ (เป็นชื่อของกัมมัฏฐานที่ใช้วัตถุสำหรับเพ่งเพื่อจูงจิตให้เป็นสมาธิ ในที่นี้ใช้ เตโช ซึ่งหมายถึง ไฟ สำหรับการเพ่งเพื่อจูงจิตให้เป็นสมาธิ) ให้เป็นอารมณ์บรรลุฌานโดยลำดับ ทำฌานที่ได้รับบรรลุนั้นให้เป็นบาท ก้าวขึ้นสู่อริยมรรคเบื้องบน ในที่สุดก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมด้วย ปฏิสัมภิทาและอภิญญาทุกประการ ซึ่งปฏิสัมภิทา หมายถึง ปัญญาแตกฉาน ความรู้แตกฉานมี ๔ ลักษณะ คือ ๑. อัตถปฏิสัมภิทา คือ ปัญญาแตกฉานใน อรรถรู้แจ้งในความหมาย เป็นข้อธรรมหรือความย่อก็ สามารถแยกแยะอธิบายขยายออกไปได้โดยพิสดาร เห็นเหตุอย่างหนึ่งก็สามารถคิดจำแนกกระจายเชื่อมโยงต่อ ออกไปได้ ๒. ธัมมปฏิสัมภิทา คือปัญญาแตกฉานใน ธรรมรู้แจ้งในหลักการ เห็นอรรถาธิบายพิสดารก็สามารถ จับใจความมาตั้งเป็นกระทู้หรือหัวข้อได้ เห็นผลอย่างหนึ่งก็สามารถสืบสาวกลับไปหาเหตุได้ ๓. นุรุตติปฏิสัมภิทา คือ ปัญญาแตกฉานในนิรุตติ รู้แจ้งในภาษา รู้ศัพท์และคำต่าง ๆ ตลอดจนภาษาต่าง ๆ เข้าใจใช้คำพูดชี้แจงให้ผู้อื่นเข้าใจและเห็นตามได้ ๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา คือ ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ รู้แจ้งในความคิดทันการ มีไหวพริบ ซึมซาบในความรู้ที่มีอยู่ สามารถเอามาเชื่อมโยงเข้า สร้างความคิดและเหตุผลขึ้นใหม่ได้ ใช้ประโยชน์ได้เหมาะสมเข้ากับกรณีหรือเหตุการณ์ ส่วนการบรรลุ อภิญญา นั้น หมายถึง การบรรลุความรู้ขั้นสุดยอด ซึ่งเรียกกันว่า " อภิญญา ๖ " มีดังนี้ ๑. อิทธิวิชา หรือ อิทธิวิธี หมายถึง ความรู้ที่ทำให้แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้ ๒. ทิพโสต หมายถึง ญาณหรือความรู้ที่ทำให้มีหูทิพย์ ๓. เจโตปริยญาณ หมายถึง ญาณ หรือความรู้ที่ทำให้รู้ใจผู้อื่นได้ ๔. ปุพเพนิวาสานุสติ หมายถึง ญาณ หรือความรู้ที่ทำให้ระลึกชาติได้ ๕. ทิพยจักขุ หมายถึง ญาณหรือความรู้ที่ทำให้มีตาทิพย์ ๖. อาสวักขยญาณ หมายถ ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |